หมวดหมู่: หุ้นเด่นวันนี้

SET32


ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์คล้ายภูมิภาค หลังเฟดลดดอกเบี้ยตามคาด/จับตาฟุตซี่ปรับน้ำหนักหุ้นไทย
นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ คล้ายคลึงกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบสลับกัน หลังจากที่ผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมาได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามที่คาดไว้ โดยเฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 1.75-2.00% แต่ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต

อย่างไรก็ดี ให้ติดตามฟุตซี่ที่จะมีการปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ และสัปดาห์หน้าก็ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทย ซึ่งตลาดฯก็ให้น้ำหนัก 50:50 ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย

พร้อมให้แนวรับ 1,650 จุด ส่วนแนวต้าน 1,670 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (18 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,147.08 จุด เพิ่มขึ้น 36.28 จุด (+0.13%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,006.73 จุด เพิ่มขึ้น 1.03 จุด (+0.03%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,177.39 จุด ลดลง 8.62 จุด (-0.11%)

- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 103.75 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 7.26 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 66.61 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 18.17 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.20 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 12.09 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.84 จุด

- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 ก.ย.62) 1,654.14 จุด ลดลง 9.79 จุด (-0.59%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,367.92 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 ก.ย.2562
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (18 ก.ย.62) ปิดที่ 58.11 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.23 ดอลลาร์ หรือ 2.1%

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 ก.ย.) อยู่ที่ 9.95 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.56 อ่อนค่าจากวานนี้ หลังดอลล์แข็งรับเฟดลดดอกเบี้ยตามคาด มองกรอบวันนี้ 30.50-30.65
- 'อุตตม' เตรียมถกสรุปมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากครบวงจร 21 ก.ย. โดยขณะนี้หน่วยงานต่างๆ กำลังทำการบ้านว่าจะมีแนวทางไหนเข้าไปดูแลเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งคงไม่ใช่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เป็นการพัฒนาฐานรากภายในประเทศให้มีความเข้มแข็ง

- ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เผยอยากให้ภาครัฐออกสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือปลอดดอกเบี้ยระยะหนึ่งออกมาเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่มีปัญหาเรื่องหนี้ในส่วนต่างๆ เนื่องจากทำให้เอสเอ็มอีไม่สามารถขยายธุรกิจได้ เพราะต้องนำเงินไปจ่ายหนี้เดิม บางส่วนก็กู้หนี้นอกระบบมา อัตราดอกเบี้ยสูงมาก โดยวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อออกมาช่วยเสริมสภาพคล่อง อาจจะเป็นรายละไม่เกิน 5 ล้านบาท ให้พิจารณาจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอี มีปัญหาภาระการจ่ายหนี้ แต่ธุรกิจยังขยายต่อไปได้

- ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าในช่วง 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2562 (ต.ค.61-ส.ค.62) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ จำนวน 2,332,840 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 54,858 ล้านบาท หรือ 2.4% และสูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 51,916 ล้านบาท หรือ 2.3%

- ปลัดท่องเที่ยวโอดเสนออะไรก็ไม่ผ่าน ปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานใหม่ หอบข้อเสนอพบ "กอบศักดิ์" นำเข้า ครม.เศรษฐกิจก่อนเข้า ครม.ชุดใหญ่ ชงให้แก้ปัญหาใบ ตม.30 พร้อมขอลดแวตให้ทัวร์อินบาวด์ พับแผนหยุด 2 วัน ให้ข้าราชการพนักงานรัฐวิสาหกิจพาลูกเที่ยวช่วงปิดเทอม

- นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต และประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล (บอร์ดสลาก) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดใหม่ โดยมีตนนั่งเป็นประธานบอร์ดอีกรอบหนึ่ง และในเดือน ก.ย.นี้ จะได้นัดประชุมบอร์ดชุดใหม่ เพื่อหารือแนวทางการทำงาน และจะนำกรณีสลากรูปแบบใหม่ที่บอร์ดชุดเก่ามีมติให้ออกเป็นสลากภาพ 12 นักษัตร ว่าบอร์ดชุดใหม่มีความเห็นเป็นอย่างไร

- การเจรจาร่างสัญญาโครงการก่อสร้างรถไฟไทย-จีน ฉบับที่ 2.3 งานระบบรางระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมทั้งจัดหาขบวนรถไฟและฝึกอบรมบุคลากร วงเงิน 50,600 ล้านบาท ขณะนี้มีความคืบหน้ามาก โดยฝ่ายไทยและฝ่ายจีน สามารถแก้ไขข้อติดขัดหลักๆ จำนวน 11-12 ประเด็นได้ทั้งหมดแล้ว และขั้นตอนต่อไป ฝ่ายจีนจะนำข้อสรุปไปหารือกับผู้ใหญ่ในฝ่ายจีน ส่วนฝ่ายไทยก็ต้องนำข้อสรุปไปหารือกับอัยการสูงสุด ถ้าทั้ง 2 ฝ่ายเห็นด้วยกับข้อสรุปดังกล่าว ก็ต้องนำร่างสัญญามาตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง จากนั้นฝ่ายไทยต้องเสนอร่างสัญญาให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบและลงนามสัญญาต่อไป

*หุ้นเด่นวันนี้
- TISCO (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 116 บาท คาดกำไร Q3/62 +4% Q-Q, +3% Y-Y เป็น 1.86 พันล้านบาท จากการตั้งสำรองลดลง แม้ TISCO จะยุติความร่วมมือกับ Deutsche Bank ในธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุนตั้งแต่ ก.ย. เชื่อว่าไม่กระทบกำไรเพราะค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ได้รับจาก Deutsche ไม่สูงเท่ากับลูกค้ารายย่อย พร้อมคาดกำไรสุทธิทั้งปี +5% ปีหน้า +6% และไม่ได้รับผลกระทบจาก TFRS9 เพราะมี Excess reserve ราว 200% ของเกณฑ์ หนุนให้ TISCO จ่ายปันผลได้ 7 บาท/หุ้น (yield 6.9%) ทั้งปีนี้และปีหน้า

- BGRIM (กรุงศรี) "ซื้อเก็งกำไร"เป้าสูงสุด IAA Consensus 46 บาท FTSE rebalance รอบใหม่ โดยใช้ราคาปิด


วันพรุ่งนี้ โดย BGRIM เป็นหนึ่งในหลักทรัพย์ที่ได้เข้าคำนวณในการปรับน้ำหนักของกลุ่ม Mid cap รอบนี้ ด้านผลกำไรใน Q3/62 และ Q4/62 จะยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการรับรู้รายได้เต็มไตรมาสของโรงไฟฟ้าใหม่ที่ทยอย COD ในช่วงปีที่ผ่านมาและต่อเนื่องมาจนถึงครึ่งปีแรกของปีนี้ ทำให้กำลังการผลิตของ BGRIM เพิ่มขึ้นกว่า 40%yoy

- PLANB (เอเซีย พลัส)ให้มูลค่าพื้นฐาน 10.40 บาท ราคาหุ้นมี Upside เปิดกว้างถึง 17.5% ประกอบกับการปรับน้ำหนักดัชนี FTSE จะมีผลบังคับใช้ในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ย.) คาดส่งผลบวกกับหุ้นไทยเฉพาะบริษัทที่ถูกคัดเข้าคำนวณหรือเพิ่มน้ำหนัก ซึ่ง PLANB ได้ถูกนำเข้าไปคำนวณในดัชนี FTSE Small Cap ในรอบนี้ ถือเป็นโอกาสเก็งกำไรสำหรับนักลงทุนระยะสั้น ส่วนนักลงทุนระยะยาวแนะทยอยสะสมรับการเติบโตของธุรกิจ ขณะที่ล่าสุดประกาศข่าวดีเสริมพอร์ตสื่อโฆษณาให้มีความสมดุลมากขึ้น ด้วยการเซ็นสัญญาบริหารพื้นที่สื่อโฆษณาใน 7-11 จำนวน 2,000 สาขา อายุสัญญา 10 ปี โดยจะเริ่ม 500 สาขาแรก ตั้งแต่ 1Q63 และเพิ่มขึ้นไตรมาสละ 500 สาขา คาดสร้างรายได้ในปีแรก 520 ล้านบาท และปีถัดไป 840 ล้านบาท (เต็มปี) อีกทั้งการได้สิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก โตเกียว 2020 จะเริ่มรับรู้ตั้งแต่ 4Q62-3Q63 หนุนกำไรปี 2563 เท่ากับ 1.1 พันล้านบาท เติบโต 33% YoY

--อินโฟเควสท์

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!