หมวดหมู่: กทม.

1aaaBMTC


ขสมก.เปลี่ยนมาใช้น้ำมัน B20 เพื่อชาวสวนปาล์ม-ลดปริมาณฝุ่นละออง

       ขสมก. เปลี่ยนมาใช้น้ำมันดีเซล B20 ในรถโดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศ จำนวน 2,075 คัน เพื่อสนับสนุนการใช้น้ำมันปาล์มภายในประเทศ เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนปาล์ม และส่งเสริมการลด ปริมาณ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

       องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ได้ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการสนับสนุนการใช้น้ำมันปาล์มภายในประเทศ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนปาล์ม เนื่องจากผลผลิตปาล์มล้นตลาด ทำให้มีราคาตกต่ำ กระทรวงพลังงานและกระทรวงคมนาคม จึงร่วมกันนำร่องโครงการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซล B20 (น้ำมันดีเซลที่ผสมน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ในสัดส่วน 20%) ในภาคคมนาคมขนส่ง เพื่อเพิ่มโอกาสในการนำน้ำมันปาล์มมาใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตน้ำมันดีเซล B20 โดย ขสมก.ได้ทดลองใช้น้ำมันดังกล่าวกับรถโดยสารธรรมดายี่ห้อฮีโน่ มิตซูบิชิ และอีซูซุ จำนวน 17 คัน เมื่อช่วงเดือนตุลาคม - ธันวาคม 2561 พบว่าเครื่องยนต์สามารถทำงานได้ตามปกติ และมีอัตราการสิ้นเปลืองใกล้เคียงกับน้ำมันดีเซล B7 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ขสมก.จึงขยายผลการใช้น้ำมันดีเซล B20 กับรถโดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศ จำนวน 2,075 คัน แบ่งเป็น 2 ระยะ ดังนี้

  ระยะที่ 1 ใช้น้ำมันดีเซล B20 กับรถโดยสารธรรมดา ยี่ห้อฮีโน่ และมิตซูบิชิ จำนวน 815 คัน ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2562 เป็นต้นไป ประกอบด้วย

  เขตการเดินรถที่ 1 : อู่รังสิต จำนวน 56 คัน

  เขตการเดินรถที่ 2 : อู่มีนบุรี และอู่สวนสยาม จำนวน 204 คัน

  เขตการเดินรถที่ 3 : อู่เมกาบางนา อู่แพรกษาบ่อดิน และอู่ปู่เจ้าสมิงพราย จำนวน 176 คัน

  เขตการเดินรถที่ 4 : อู่คลองเตย และอู่พระราม 9 จำนวน 256 คัน

  เขตการเดินรถที่ 5 : อู่แสมดำ และอู่พระประแดง จำวน 123 คัน

  โดยมีปริมาณการใช้น้ำมันดีเซล B20 ในระยะที่ 1 วันละ 57,050 ลิตร หรือเดือนละ 1,711,500 ลิตร

  ระยะที่ 2 ใช้น้ำมันดีเซล B20 กับรถโดยสารธรรมดา ยี่ห้อมิตซูบิชิ และอีซูซุ รถโดยสารปรับอากาศครีม - น้ำเงิน ยี่ห้ออีซูซุ และฮีโน่ รถโดยสารปรับอากาศยูโรทู ยี่ห้ออีซูซุ แดวู และเบนซ์ จำนวน 1,260 คัน ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 เป็นต้นไป ประกอบด้วย

  เขตการเดินรถที่ 1 : อู่บางเขน จำนวน 122 คัน

  เขตการเดินรถที่ 4 : อู่คลองเตย และอู่พระราม 9 จำนวน 79 คัน

  เขตการเดินรถที่ 6 : อู่พุทธมณฑล และอู่ไร่ขิง จำนวน 348 คัน

  เขตการเดินรถที่ 7 : อู่ท่าอิฐ อู่บางบัวทอง และอู่นครอินทร์ จำนวน 371 คัน

  เขตการเดินรถที่ 8 : อู่กำแพงเพชร และอู่สวนสยาม จำนวน 340 คัน

  โดยมีปริมาณการใช้น้ำมันดีเซล B20 ในระยะที่ 2 วันละ 127,050 ลิตร หรือเดือนละ 3,811,500 ลิตร

  เมื่อ ขสมก.เปลี่ยนมาใช้น้ำมันดีเซล B20 กับรถโดยสารทั้ง 2 ระยะ จำนวน 2,075 คัน จะมีปริมาณการใช้น้ำมัน เดือนละ 5.5 ล้านลิตร หรือปีละ 66 ล้านลิตร ซึ่งสามารถนำน้ำมันปาล์มมาใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตน้ำมันดีเซล B20 ได้ปีละประมาณ 8.58 ล้านลิตร เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนปาล์มได้อีกทางหนึ่ง

  จากการใช้น้ำมันดีเซล B20 กับรถโดยสาร ขสมก.ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา พบว่าน้ำมันดังกล่าว สามารถนำมาใช้งานร่วมกับรถโดยสาร ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ส่งผลกระทบกับระบบเครื่องยนต์ อย่างไรก็ตาม การใช้น้ำมันดีเซล B20 กับรถโดยสารในระยะแรก จะต้องมีการล้างน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งระบบทางเดินน้ำมัน และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง รวมทั้งมีการเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันดีเซล ไส้กรองน้ำมันเครื่องและไส้กรองอากาศ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายคันละประมาณ 25,000 บาท

  จากสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นเกินเกณฑ์มาตรฐานในขณะนี้ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ซึ่งฝุ่นละอองดังกล่าว มีสาเหตุหลักมาจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ดีเซล และการก่อสร้างโครงการต่างๆ การที่ ขสมก.เปลี่ยนมาใช้น้ำมันดีเซล B20 กับรถโดยสาร จะช่วยลดมลพิษได้ 4% และลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 15% นอกจากนี้ ขสมก.ได้กำหนดมาตรการเพื่อส่งเสริมการลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ดังนี้

  1. ตรวจดูแลรถโดยสารก่อนนำรถออกวิ่งให้บริการประชาชน โดยห้ามมิให้รถควันดำออกวิ่งให้บริการโดยเด็ดขาด หากตรวจพบจะส่งเข้าซ่อมบำรุงโดยทันที

  2. ขสมก.มีการตรวจวัดควันดำ และตรวจวัดความดังของเสียงเครื่องยนต์ อย่างต่อเนื่อง เดือนละ 2 ครั้ง

  3. กำชับให้พนักงานขับรถโดยสาร ออกรถด้วยเกียร์ 1 ทุกครั้ง

 

ขสมก.ขยายผลการใช้น้ำมันดีเซล B20 ในรถโดยสารทุกคัน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนปาล์ม

     องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ร่วมกับบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และบริษัทเหมาซ่อมขยายผลการใช้น้ำมันดีเซล B20 ในรถโดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศ จำนวน 2,075 คัน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนปาล์ม ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2562 เป็นต้นไป

       นายประยูร ช่วยแก้ว รองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถองค์การ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ผลผลิตปาล์มล้นตลาด ทำให้มีราคาตกต่ำ ส่งผลให้เกษตรกรชาวสวนปาล์มได้รับความเดือดร้อน กระทรวงพลังงานและกระทรวงคมนาคมจึงร่วมกันนำร่องโครงการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซล B20 ในภาคคมนาคมขนส่ง เพื่อเพิ่มโอกาสในการนำน้ำมันปาล์มมาใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนปาล์ม โดย ขสมก.ได้มีการทดลองใช้น้ำมันดีเซล B20 กับรถโดยสารธรรมดา ยี่ห้อฮีโน่ มิตซูบิชิ และอีซูซุ จำนวน 17 คัน เมื่อช่วงเดือนตุลาคม - ธันวาคม 2561 ซึ่งผลการทดลองพบว่า น้ำมันดีเซล B20 มีอัตราการสิ้นเปลืองใกล้เคียงกับน้ำมันดีเซล B7 ที่ ขสมก.ใช้อยู่ในปัจจุบัน อีกทั้ง ยังมีค่าควันดำอยู่ในเกณฑ์ปกติ และค่ามลพิษ (CO2) ลดลง 15 % จึงส่งผลทำให้ค่ามลพิษในอากาศภาพรวมลดลงด้วย ขสมก.จึงขยายผลการใช้น้ำมันดีเซล B20 กับรถโดยสารธรรมดา และรถโดยสารปรับอากาศ จำนวน 2,075 คัน แบ่งเป็น ระยะที่ 1 ใช้กับรถโดยสารธรรมดา ยี่ห้อฮีโน่ และมิตซูบิชิ จำนวน 815 คัน ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2562 ระยะที่ 2 ใช้กับรถโดยสารธรรมดา ยี่ห้อมิตซูบิชิ และอีซูซุ รถโดยสารปรับอากาศครีม - น้ำเงิน ยี่ห้ออีซูซุ และฮีโน่ รถโดยสารปรับอากาศยูโรทู ยี่ห้ออีซูซุ เบนซ์ และแดวู จำนวน 1,260 คัน ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 เป็นต้นไป

      ปัจจุบัน ขสมก.มีปริมาณการใช้น้ำมันดีเซล B7 เดือนละประมาณ 5.5 ล้านลิตร หรือปีละ 66 ล้านลิตร เมื่อ ขสมก.เปลี่ยนมาใช้น้ำมันดีเซล B20 ซึ่งมีราคาถูกกว่า B7 ลิตรละ3 บาท จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงให้กับ ขสมก. เดือนละ 16.5 ล้านบาท หรือปีละ 198 ล้านบาท อีกทั้ง ยังช่วยเกษตรกรชาวสวนปาล์ม สามารถนำน้ำมันปาล์มมาใช้ เป็นส่วนผสมในการผลิตน้ำมันดีเซล B20 ได้ปีละประมาณ 8.58 ล้านลิตร อย่างไรก็ตามการใช้น้ำมันดีเซล B20 กับรถโดยสาร ขสมก.ในระยะแรก จะต้องมีการล้างน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งระบบทางเดินน้ำมัน เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง รวมทั้งมีการเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันดีเซล ไส้กรองน้ำมันเครื่อง และไส้กรองอากาศ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายคันละประมาณ 30,000 บาท โดย ขสมก.ได้รับความร่วมมือจากบริษัทเหมาซ่อมได้แก่ บริษัท ฮีโน่มอเตอร์สเซลล์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ออโต้เทคนิค (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท แสงเจริญทูลส์ เซ็นเตอร์ จำกัด นอกจากนี้ ขสมก.ได้รับความร่วมมือจากบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ในการจัดหาถังน้ำมัน พร้อมจัดส่งน้ำมันดีเซล B20 ให้เพียงพอกับความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในแต่ละวัน ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานกระทรวงคมนาคม กรมควบคุมมลพิษ และขสมก.           

      คาดหวังว่า การขยายผลการใช้น้ำมันดีเซล B20 กับรถโดยสารทุกคันจะช่วยเพิ่มปริมาณการใช้น้ำมันปาล์ม และช่วยสร้างความสุขให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวสวนปาล์มอย่างยั่งยืนต่อไป

 

Click Donate Support Web

ais 790x90

GC 950x120

sme 720x90SIAM790x90

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!